บทความ และข่าวสารดีๆจากเรา

ประสบการณ์งานขายทรัพมากกว่า10ปี ใช้เวลาขายทรัพย์รวดเร็ว สูงสุดภายใน 3 วัน

แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ไทย 2025

จับตาตลาดอสังหาฯ ในไทย: แนวโน้มปี 2025 หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว

📝 แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025: จับตาตลาดอสังหาฯ ไทยหลังแผ่นดินไหว แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 กำลังเป็นที่จับตาของนักลงทุนทั่วประเทศ หลังประเทศไทยต้องเผชิญเหตุการณ์หลายด้าน ทั้งการฟื้นตัวจากโควิด-19 การปรับตัวทางเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้านที่ส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงไทย บทความนี้จะวิเคราะห์ภาพรวมและเจาะลึก แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 เพื่อให้คุณวางแผนการลงทุนได้อย่างมั่นใจ 🌟 ภาพรวมแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 ในไทย 📈 1. การฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ หลังโควิด-19 หนึ่งในแรงผลักสำคัญของ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 คือการฟื้นตัวของกำลังซื้อ หลังการเปิดประเทศและฉีดวัคซีนครบ ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะกลุ่มคอนโดและบ้านเดี่ยวในเมืองใหญ่เริ่มคึกคักอีกครั้ง 🏡 2. บ้านเดี่ยวและชานเมืองยังมาแรง เทรนด์ Work from Home ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ทำให้บ้านเดี่ยวในโซนชานเมือง เช่น รังสิต ลำลูกกา และบางนา ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 ที่น่าจับตา 🌆 3. คอนโดในเมืองยังคงมีดีมานด์ คอนโดใกล้รถไฟฟ้า BTS และ MRT โดยเฉพาะที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันยังคงได้รับความนิยม ทั้งกลุ่มวัยทำงานและผู้ลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งเป็นอีกจุดสำคัญใน แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 ✅ ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 💸 อัตราดอกเบี้ยต่ำ การรักษาดอกเบี้ยต่ำช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะผู้ซื้อบ้านหลังแรกและนักลงทุนต่างชาติ เช่น กลุ่มชาวจีนและยุโรปที่กลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งในปี 2025 🏗️ โครงสร้างพื้นฐานและรถไฟฟ้าสายใหม่ แนวรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีชมพูที่ใกล้เปิดให้บริการ ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็นทำเลทอง และมีผลโดยตรงต่อ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 🌍 นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมา การเปิดประเทศทำให้ตลาดปล่อยเช่าฟื้นตัว โดยเฉพาะในโซนกลางเมืองที่กลุ่มนักท่องเที่ยวและต่างชาติเริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง ⚠️ ความกังวลด้านโครงสร้างหลังแผ่นดินไหว เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้านทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยของอาคาร ส่งผลให้โครงการที่มีโครงสร้างต้านทานแผ่นดินไหวกลายเป็นจุดขายใหม่ของปีนี้ 💡 เทคโนโลยีและความปลอดภัย: หัวใจของแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 บ้านและคอนโดเริ่มมี Smart Home และระบบ Home Automation ใช้ VR/AR พาชมโครงการออนไลน์ เพิ่มความสะดวกในการตัดสินใจ

อ่านเพิ่มเติม »
สัญญาเช่า

6 ข้อควรรู้ก่อนทำสัญญาเช่า: ป้องกันปัญหาทางกฎหมายก่อนเช่าทรัพย์สิน

6 ข้อต้องรู้ก่อนทำสัญญาเช่า ก่อนที่คุณจะเซ็นสัญญาเช่าบ้าน คอนโด หรืออสังหาฯ ต่าง ๆ เช็กให้ครบ! ป้องกันปัญหาทางกฎหมาย และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง ✅ 1. ตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ให้เช่า ตรวจสอบว่าเจ้าของทรัพย์สินเป็นผู้มีสิทธิ์ให้เช่าจริง เช่น มีชื่อในโฉนด หรือมีหนังสือมอบอำนาจถูกต้อง ขอเอกสารประกอบ เช่น โฉนดที่ดิน สำเนาบัตรประชาชน หรือสัญญาซื้อขายเดิม ✅ 2. รายละเอียดในสัญญาเช่าต้องชัดเจน ระบุทรัพย์สินที่เช่าให้ชัดเจน เช่น ที่อยู่ ขนาด หรือเลขที่โฉนด กำหนดระยะเวลาเช่า วันเริ่มต้นและวันสิ้นสุด ระบุค่ามัดจำ ค่าเช่ารายเดือนหรือรายปี พร้อมเงื่อนไขการชำระเงิน ✅ 3. สิทธิและหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย ระบุว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าบำรุง ค่าซ่อมแซม หรือค่าส่วนกลาง กำหนดเงื่อนไขในการปรับปรุงทรัพย์สิน หรือโอนสิทธิการเช่า เงื่อนไขการต่ออายุหรือบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นธรรม ✅ 4. จดทะเบียนสัญญาเช่าระยะยาว หากเช่าเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียนสัญญาเช่าที่กรมที่ดิน หากไม่จด อาจไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายเกิน 3 ปี ✅ 5. ระวังข้อกำหนดไม่เป็นธรรม ระวังค่าปรับที่สูงเกินไป หรือการริบมัดจำโดยไม่เป็นธรรม หลีกเลี่ยงสัญญาที่ให้ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกฝ่ายเดียวง่ายเกินไป ✅ 6. เซ็นสัญญาให้ถูกต้องและเก็บสำเนาไว้ ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าควรเซ็นชื่อทุกหน้า พร้อมพยานลงชื่อกำกับ เก็บสำเนาไว้ทั้งสองฝ่าย หากเป็นนิติบุคคลควรแนบตราประทับของบริษัท 📌 สรุป: การทำสัญญาเช่าที่ดี ต้องตรวจสอบให้รอบคอบทั้งข้อมูลเจ้าของ รายละเอียดในสัญญา และเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาทั้งในปัจจุบันและอนาคต ———————- 🧡 deepbasesagency คัดบ้านให้คุณ เหมือนเลือกให้ครอบครัว Curated like home. 📋 ปรึกษาเราได้เลย ทีม deepbasesagency ยินดีดูแลคุณ 📞 ติดต่อ 𝑫𝒆𝒆𝒑𝒃𝒂𝒔𝒆𝒔 𝑨𝒈𝒆𝒏𝒄𝒚 (ดีพเบสซ เอเจนซี่) 📱 𝐋𝐢𝐧𝐞 : https://lin.ee/SG37M5K 🔰

อ่านเพิ่มเติม »
เทคนิคการคัดกรองผู้เช่าเพื่อลดความเสี่ยงในการค้างค่าเช่า

เทคนิคการคัดกรองผู้เช่าเพื่อลดความเสี่ยงในการค้างค่าเช่า

เทคนิคการคัดกรองผู้เช่าเพื่อลดความเสี่ยงในการค้างค่าเช่า การปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านหรือคอนโด ถือเป็นแหล่งรายได้ที่ดี แต่หนึ่งในความกังวลของผู้ให้เช่าคือ ปัญหาผู้เช่าค้างค่าเช่า การคัดกรองผู้เช่าที่ดีตั้งแต่ต้นจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้อย่างมาก บทความนี้จะแนะนำ เทคนิคการคัดกรองผู้เช่า เพื่อให้ได้ผู้เช่าที่น่าเชื่อถือและลดปัญหาการค้างค่าเช่าในระยะยาว ทำไมการคัดกรองผู้เช่าถึงสำคัญ? ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน: หากผู้เช่าค้างค่าเช่า อาจส่งผลต่อกระแสเงินสดของเจ้าของ ลดข้อพิพาท: การคัดกรองช่วยคัดเลือกผู้เช่าที่มีความรับผิดชอบ สร้างความมั่นใจ: การมีข้อมูลที่ครบถ้วนช่วยให้ผู้ให้เช่ารู้สึกปลอดภัย 1. เก็บข้อมูลเบื้องต้นของผู้เช่า 📑 1.1 เอกสารส่วนตัว บัตรประชาชน: ตรวจสอบชื่อ-นามสกุล ตรงกับข้อมูลที่แจ้งหรือไม่ ทะเบียนบ้าน: เช็กภูมิลำเนาหรือที่อยู่ถาวร เอกสารประจำตัวคนต่างชาติ (ถ้ามี): เช่น พาสปอร์ตหรือใบอนุญาตทำงาน 💼 1.2 หลักฐานทางการเงิน สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน: เพื่อยืนยันรายได้ หนังสือรับรองเงินเดือน: อาชีพมั่นคงหรือไม่ รายการเดินบัญชี (Bank Statement): ตรวจสอบยอดเงินเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ 💡 ตัวอย่าง: ผู้เช่าที่มีรายได้มากกว่าค่าเช่า 3 เท่า มีโอกาสชำระค่าเช่าได้ตรงเวลาสูง 2. ตรวจสอบประวัติการเช่าที่ผ่านมา 📝 2.1 ติดต่อเจ้าของที่พักเดิม สอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการจ่ายค่าเช่า ตรวจสอบว่ามีปัญหากับเพื่อนบ้านหรือไม่ เช็กข้อมูลการค้างค่าเช่าและปัญหาอื่น ๆ 📧 2.2 ตรวจสอบประวัติคดีความ (ถ้ามี) หากผู้เช่าเคยมีคดีเกี่ยวกับ การค้างค่าเช่า การหลอกลวง หรือปัญหาทางกฎหมาย ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ 3. สัมภาษณ์ผู้เช่าด้วยตัวเอง 💬 3.1 พูดคุยและทำความรู้จัก สอบถามเกี่ยวกับ เหตุผลในการย้ายเข้ามาอยู่  ถามถึงระยะเวลาที่ตั้งใจจะเช่าและแผนในอนาคต ประเมินทัศนคติและความจริงใจในการตอบคำถาม 📝 3.2 ประเมินพฤติกรรมจากการพูดคุย ผู้เช่าที่มีเจตนาบริสุทธิ์มักให้ข้อมูลตรงไปตรงมา หากเจอผู้เช่าที่เลี่ยงการตอบเกี่ยวกับรายได้หรือสถานะการทำงาน ควรพิจารณาให้ละเอียด 4. ทำสัญญาเช่าอย่างรัดกุม 📝 4.1 ระบุรายละเอียดการชำระค่าเช่า วันครบกำหนด: กำหนดวันชำระอย่างชัดเจน เช่น ทุกวันที่ 1 ของเดือน ค่าปรับกรณีล่าช้า: ระบุอัตราค่าปรับ เช่น 5%

อ่านเพิ่มเติม »
ปรับปรุงบ้านให้ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว | เคล็ดลับง่ายๆ

แนะนำวิธีปรับปรุงบ้านให้แข็งแรง รองรับแผ่นดินไหว ลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้ครอบครัว

🏡 การปรับปรุงบ้านเพื่อความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว: เคล็ดลับและคำแนะนำ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดในประเทศไทย หลายครอบครัวเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงและความปลอดภัยของบ้านพักอาศัย การ ปรับปรุงบ้านให้ต้านทานแรงแผ่นดินไหว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก เคล็ดลับการปรับปรุงบ้านเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ตั้งแต่โครงสร้างภายนอกจนถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ 🌟 ทำไมต้องปรับปรุงบ้านให้ทนทานต่อแผ่นดินไหว? แผ่นดินไหวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า การเตรียมความพร้อมของบ้านจึงช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมาก โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่โครงสร้างอาจไม่ได้ถูกออกแบบให้ต้านทานแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่แรก 🛠️ เคล็ดลับการปรับปรุงบ้านให้ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว ✅ 1. เสริมโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น 🧱 โครงสร้างเสาและคาน ใช้วัสดุที่ทนต่อแรงสั่นสะเทือน เช่น เหล็กเสริม (Rebar) หรือ คอนกรีตเสริมเหล็ก เสริมคานรับน้ำหนักด้วย เหล็กรูปพรรณ H-Beam หรือ I-Beam เพิ่ม Shear Wall (ผนังกำแพงรับแรง) ในจุดสำคัญ เช่น มุมอาคาร 🧰 ฐานรากและพื้นบ้าน ตรวจสอบความแข็งแรงของฐานราก หากพบรอยร้าวควรซ่อมแซมทันที ใช้ พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced Concrete Floor) เพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือน ✅ 2. ปรับปรุงผนัง หลังคา และ โครงสร้างให้ยืดหยุ่น 🧱 ผนังอิฐมวลเบา (AAC Block) มีน้ำหนักเบา ช่วยลดแรงกระทำต่อโครงสร้าง ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าผนังอิฐแดง 🪟 หน้าต่างและประตู ใช้ กระจกนิรภัย (Tempered Glass) ที่ทนต่อแรงกระแทก ติดตั้งกรอบหน้าต่างที่ยืดหยุ่น เช่น อลูมิเนียมเสริมโครงเหล็ก 🪜 หลังคาเบาและยืดหยุ่น ใช้หลังคาเหล็กแผ่นรีดลอนเบา ลดน้ำหนักส่วนบนของอาคาร เสริม เหล็กค้ำยัน (Roof Brace) ป้องกันการพังทลาย 🌧️ รางน้ำและปล่องควัน ตรวจสอบการยึดให้แน่นหนา ป้องกันการหลุดร่วงเมื่อเกิดแรงสั่น ✅ 3. ยึดเฟอร์นิเจอร์ให้มั่นคง 🛋️ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ วางตู้และชั้นวางของติดผนัง ใช้ แถบยึดกันล้ม (Anti-Tip Bracket) หลีกเลี่ยงการวางของหนักในจุดที่สูง 🗄️ การยึดตู้และชั้นวาง

อ่านเพิ่มเติม »
จัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย

จัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย เสริมโชคลาภ เพิ่มพลังบวกให้บ้านทุกมุม

จัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย: เพิ่มพลังบวก เสริมโชคลาภและความสุขในทุกมุมบ้าน การจัดบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือฟังก์ชันใช้งานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ “พลังงานชีวิต” หรือ “ชี่ (Qi)” ตามศาสตร์ ฮวงจุ้ย (Feng Shui) ซึ่งเป็นศาสตร์จีนโบราณที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมกับความเป็นอยู่ของคนในบ้าน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้แนวทาง จัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบเยอะ แค่รู้หลัก จัดให้ถูกตำแหน่ง และเปิดรับพลังบวกได้ทันที   ฮวงจุ้ยคืออะไร? สำคัญกับบ้านอย่างไร? ฮวง = ลมจุ้ย = น้ำรวมกันหมายถึง พลังงานธรรมชาติที่ไหลเวียน หากบ้านของเราจัดวางให้พลังงานเหล่านี้ไหลเวียนได้ดี จะส่งผลดีต่อโชคลาภ สุขภาพ ความรัก และความสำเร็จของผู้อยู่อาศัย   หลักการจัดบ้านตามฮวงจุ้ยในแต่ละพื้นที่ 1. ประตูบ้าน – จุดรับพลังชี่ หลีกเลี่ยงการวางสิ่งกีดขวาง เช่น ถังขยะ ต้นไม้รก หรือของระเกะระกะ ประตูควรเปิดเข้า ไม่ใช่เปิดออก รักษาความสะอาดและความสว่างตลอดเวลา 💡 เคล็ดลับ: วางต้นไม้มงคล เช่น ไผ่กวนอิม หรือไม้มงคลหน้าประตูเพื่อเรียกทรัพย์ 2. ห้องนั่งเล่น – ศูนย์รวมพลังของบ้าน จัดเฟอร์นิเจอร์หลักให้หันหน้าเข้าประตู หลีกเลี่ยงการวางโซฟาใต้คาน ใช้โทนสีอบอุ่น เช่น ครีม น้ำตาล เทาอ่อน 🌿 เคล็ดลับ: แขวนภาพธรรมชาติ ภูเขา หรือดอกไม้ เสริมพลังสงบและโชคลาภ 3. ห้องนอน – เสริมสุขภาพ ความรัก และการพักผ่อน หัวเตียงควรชิดผนัง ไม่ควรอยู่ตรงกับหน้าต่าง เตียงไม่ควรตรงกับประตูห้องน้ำ หลีกเลี่ยงกระจกตรงปลายเตียง 💖 เคล็ดลับ: ใช้โทนสีชมพู ฟ้า หรือพีช เสริมพลังรักและการพักผ่อน 4. ห้องครัว – ธาตุไฟ พลังชีวิต ห้ามวางเตาแก๊สตรงข้ามอ่างล้างจาน ครัวควรโปร่ง โล่ง ไม่อับชื้น หลีกเลี่ยงการวางครัวกลางบ้านหรือใต้ห้องน้ำ 🔥

อ่านเพิ่มเติม »

5 จุดเช็กคอนโดก่อนซื้อ: เพื่อไม่ให้พลาดและเสียดายทีหลัง

✅ 5 จุดเช็กคอนโดก่อนซื้อ: เพื่อไม่ให้พลาดและเสียดายทีหลัง การซื้อคอนโดไม่ใช่แค่เรื่องของโลเคชัน หรือราคาผ่อนที่ไหวเท่านั้น แต่ยังต้องเช็กสภาพห้อง และองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะถ้าพลาดขึ้นมา การซ่อม/แก้ไขอาจยุ่งยากหรือมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกเพียบ บทความนี้จะช่วยคุณ รู้ทันก่อนเข้าเซ็นสัญญา กับ 5 จุดสำคัญที่ต้องตรวจสอบก่อนซื้อคอนโด เพื่อให้คุณได้ห้องที่ “ใช่” ไม่มีเซอร์ไพรส์ไม่พึงประสงค์ทีหลัง 1️⃣ โครงสร้างห้องและผนัง ✔️ สิ่งที่ต้องเช็ก: รอยร้าว: ผนัง เพดาน หรือขอบวงกบประตู-หน้าต่าง มีรอยร้าวหรือไม่ พื้น: พื้นกระเบื้อง ปูเรียบไหม? มีเสียงกลวงเวลายืนไหม? ฝ้าเพดาน: มีรอยน้ำซึมหรือแอ่นหรือไม่? (ระวังปัญหาหลังคารั่วห้องบน) 💡 เคล็ดลับ: ใช้ไฟฉายส่องผนัง-ฝ้า ช่วยให้เห็นรอยแตกหรือรอยน้ำชัดขึ้น 2️⃣ ระบบไฟฟ้าและปลั๊กไฟ ✔️ สิ่งที่ต้องเช็ก: ปลั๊กไฟอยู่ในจุดที่ใช้งานสะดวกหรือไม่? มีพอหรือเปล่า? เปิด-ปิดสวิตช์ไฟทุกจุด ทดสอบหลอดไฟ เช็กแผงเบรกเกอร์ไฟว่าใช้งานได้ดี มีการแยกโซนชัดเจนหรือไม่ 💡 เคล็ดลับ: พกที่ทดสอบปลั๊ก (plug tester) ไปเช็กไฟรั่วเบื้องต้นได้ง่าย ๆ 3️⃣ ระบบน้ำประปาและสุขภัณฑ์ ✔️ สิ่งที่ต้องเช็ก: เปิดก๊อกทุกจุด (อ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน ฝักบัว โถสุขภัณฑ์) เพื่อดูแรงดันน้ำ สังเกตคราบน้ำ ใต้ซิงก์หรือหลังโถสุขภัณฑ์ (สัญญาณน้ำรั่ว) ระบบระบายน้ำชักโครก ไหลดีหรือมีปัญหา? 💡 เคล็ดลับ: ทดลองเปิดน้ำอ่างล้างหน้า/ล้างจานไว้ แล้วเดินดูว่าท่อน้ำด้านล่างมีน้ำซึมหรือไม่ 4️⃣ สภาพเฟอร์นิเจอร์และบิลต์อิน (ถ้ามี) ✔️ สิ่งที่ต้องเช็ก: บานพับ ตู้ ลิ้นชัก เปิดปิดลื่นไหม? มีรอยผุ ปลวก หรือสีหลุดหรือเปล่า พื้นที่ใช้สอยเพียงพอไหม? สัดส่วนเฟอร์นิเจอร์กับห้องสมดุลหรือไม่ ถ้าแถมเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น แอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ – ต้องทดสอบการทำงานให้ครบ 💡 เคล็ดลับ: ถ่ายรูปทุกชิ้นก่อนเซ็นรับห้อง

อ่านเพิ่มเติม »